เมื่อถูก Bully ลองปรึกษา Buddha

รู้หรือเปล่า? การ “บูลลี่” (ฺBully) มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว และพระพุทธเจ้าเองก็เคยถูกบูลลี่เหมือนกัน แถมยังมีวิธีการรับมือกับการบูลลี่แบบเจ๋ง ๆ อีกด้วย หากไม่เชื่อเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่า เมื่อมีคนด่าพระพุทธเจ้า ด่าจริงจังด่าแรง ๆ เลยนะ ไม่ใช่ด่าเล่น ๆ พระพุทธเจ้าทำอย่างไร

สิ่งที่เกิดขึ้นก็เมื่อพระพุทธเจ้าโดนด่าก็คือ พระพุทธเจ้านิ่งสงบรอจนกระทั่งผู้ที่ด่าท่านเหนื่อยแล้ว จึงถามกลับไปนิ่ม ๆ ว่า ถ้า​มี​แขกมาบ้านท่าน​ ​ท่านก็ต้อนรับ​ด้วย​อาหารคาวหวาน​ ​แต่​แขกที่มา​นั้น​ไม่​กินอาหารแล้ว​กลับไป​ ​อาหาร​นั้น​จะ​เป็น​ของใคร” คนที่มาด่าก็ออกจะงง ๆว่ามาถามทำไม แต่ก็ตอบไปว่า “ก็ของเจ้าของบ้านน่ะซี” (ตอนตอบคงแอบคิดในใจด้วยว่าโง่หรือเปล่าถึงถามแบบนี้)

พระพุทธเจ้าก็เลยตอบกลับสั้น ๆ อย่างสงบว่า “ก็เหมือนกัน สิ่งที่ท่านด่าเราเมื่อสักครู่นี้ เราไม่ขอรับ” คนที่ด่าก็อึ้ง เพราะเท่ากับว่า เมื่อพระพุทธเจ้าไม่รับสิ่งที่เขาด่าออกไป คำด่าเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาเอง หรือถ้าจะว่ากันอีกนัยก็คือ ตัวเราจะเดือดร้อนทำไม หากสิ่งที่คนอื่นเขาด่าเรานั้นไม่จริง

จะว่าไปพระพุทธเจ้าก็โดน “บูลลี่” หนักเหมือนกันตั้งแต่ก่อนตรัสรู้ที่มารมาผจญ ไปจนหลังตรัสรู้แล้วก็มีคนมาลองของ ลองวิชามากมาย หากคนในยุคปัจจุบันเรียนรู้จะรับมือกับการถูกบุลลี่อย่างไรตามแบบพระพุทธเจ้าก็คงจะเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย มาลองพิจารณากันดีกว่าว่า หากถูกบูลลี่แบบนี้ พระพุทธเจ้าจะแนะนำให้รับมือแบบใด

 

๑. ถูกบูลลี่ด้วยวาจา นินทาว่าร้าย ใช้คำพูดทำให้เสียหาย ล้อเลียนรูปลักษณ์หน้าตา โพสด่าในโซเชี่ยล ทำให้เกิดความเกลียดชัง ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เจออย่างนี้พระพุทธเจ้าให้อดทน ปล่อยเขาว่าไปสุดท้ายเขาก็เหนื่อยเอง ยิ่งเรามีปฏิกิริยาตอบโต้เขาจะยิ่งสนุก หากเราวางเฉยสิ่งที่เขาพูดหรือเขียนออกมาก็สะท้อนตัวตนของเขาเหล่านั้นเอง คนจริงใจต้องนิ่ง ดังที่พระศาสดาได้กล่าวไว้ว่า

“ภูเขาศิลาล้วนยอมไม่หวั่นไหวด้วยลมจากทิศทั้ง ๔ ฉันใด บัณฑิตยอมไม่หวั่นไหว เพราะคำนินทาและคำสรรเสริญฉันนั้น”

๒. ถูกบูลลี่ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ อาทิ ใส่ความ ปลอมแอคเค้าท์ นำข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่ในทางเสียหาย ทั้งชื่อ ที่อยู่ รูป เบอร์โทร จนสร้างความเดือดร้อนมาถึงตัว หากเป็นพระพุทธเจ้าจะรับมืออย่างไร ท่านใช้วิธีสอนคนที่เสพข้อมูลข่าวสารว่า ใครที่พูดไม่จริง หรือทำอะไรไม่ดีไว้แต่บอกว่าไม่ได้ทำ ต่างก็มีกรรมชั่วตกนรกไม่ต่างกัน และให้ผู้รับข้อมูลข่าวสารพิจารณาด้วยสติ ไม่สนใจเรื่องของคนอื่น ใส่ใจการงานของตัวเอง ในที่สุดความจริงก็จะเปิดเผยออกมาเอง ดังคำที่ว่า

“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

๓. ถูกบูลลี่ด้วยการทำร้ายร่างกาย ดุด่าก็แล้ว ใส่ความปั้นเรื่องก็แล้ว ยังไม่พอใจ หากถูกบูลลี่ด้วยการลงไม้ลงมือ พระพุทธเจ้าจะแนะนำให้รับมืออย่างไร อาจจะดูเหมือนประชดแต่พระพุทธเจ้าก็ยังคงวางเฉย “เพราะเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” หากเราโต้ตอบก็เหมือนสร้างบ่วกรรมผูกต่อไปเรื่อย ๆ และอาวุธที่ดีที่สุดในการรับมือกับผู้ที่จะมาทำร้ายเราก็คือ ความเมตตา เพราะความดีจะสามารถเอาชนะความชั่วทั้งปวงได้ในที่สุด

 

แล้วเคยสงสัยไหม ทำไมตัวเราถึงถูกบูลลี่?
มีพุทธภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า “สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตัว มีกรรม เป็นตัวให้กำเนิด มีกรรมเป็นตัวเกี่ยวข้อง มีกรรมเป็น ที่พึ่ง สัตว์ทั้งหลาย ทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม จักได้ผลกรรมนั้นแน่นอน” แปลว่าไม่มีใครหนีพ้นผลของกรรมพ้น แม้แต่พระพุทธเจ้าเองที่ถูกบูลลี่ก็เนื่องมาจากกรรมเก่าที่เคยสร้างไว้ จึงสอนให้พวกเรารับมือกับกรรมเหล่าด้วยการวางเฉย เพื่อไม่ให้สร้างกรรมใหม่ต่อเนื่องจนไม่อาจพ้นทุกข์ได้นั่นเอง

ยัง…ยังมี พุทธศาสนิกชนยุคดิจิทัลหลายคนที่ในใจอยากจะสอบถามพระพุทธเจ้าว่าจะรับมือกับบูลลี่ออนไลน์อย่างไร เนี่ยโดนประจำเลย หากพระพุทธองค์ยังอยู่คงยิ้มแล้วตอบว่า

“ง่ายนิดเดียว ให้ปิดเครื่องมือสื่อสารแล้วไปนั่งสมาธิ เดี๋ยวก็จะดีเอง”