เมื่อ “ผีป่า” จำต้องแห่เข้าเมือง

ย้อนกลับไปราว ๆ ๗๐-๘๐ ปี ประเทศไทยมีพื้นป่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ใครที่ชอบเดินดงเข้าป่าจึงมีเรื่องราวชวนสยองขวัญเกี่ยวกับผีป่า ผีพื้นบ้านอยู่ไม่น้อย แต่ในปัจจุบันเรามีพื้นที่ป่าเหลือเพียงร้อยละ ๓๐.๖๕ ของพื้นที่ประเทศ ในขณะที่เมืองหลักก็โตขึ้นเรื่อย ชนบทเริ่มเงียบเหงาเพราะคนเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ๆ กันหมด เรื่องผีพื้นบ้าน ผีในป่าจึงค่อยเลือนหายไป

เพราะป่าเหลือน้อย ชนบทเงียบเหงา แต่ “ผีพื้นบ้าน” ยังอยากมีที่ยืนในสังคมไทย จะเกิดอะไรขึ้นหากผีเหล่านั้นตัดสินใจเดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เรื่องราวจะสนุกแค่ไหน ลองติดตาม

๑. ผีกระสือ

แม้ในกระสือจะเป็นตำนานสยอง ด้วยแสงสว่างวับ ๆ แวบ ๆ ลอยไปมากลางทุ่งนาสร้างความหวาดหลัวขนลุกขนพองให้กับผู้คน แต่ท่ามกลางสีสันตลอด ๒๔ ชั่วโมงของเมืองหลวง กระสือจึงหมดความขลังไปแทบจะทันที แล้วถ้าอยากจะบินในเมืองหลวงนั้นก็ทำไม่ได้ทันที ต้องทำเรื่องขออนุญาตอีกหลายหน่วยงาน กระสือที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงคงจะลำบากไม่น้อย

หากจะมีเรื่องดี ๆ ที่ กระสือพอจะทำได้อยู่บ้างคือ เป็นอาจารย์ใหญ่ให้นิสิตนักศึกษาแพทย์ทำการศึกษา รับรองเลยว่าผลบุญจะส่งไปเกิดได้เป็นมนุษย์ในที่สุด

๒. ผีกระหัง

ถ้าอยู่บ้านนอกอาจจะจัดเป็นผีระดับแนวหน้า แต่พอย้ายมาอยู่เมืองหลวงแล้ว “กระหัง” ก็อาจกลายเป็นง่อยได้ง่าย ๆ เพราะนอกจากจะถูกห้ามบินแล้ว ด้วยบุคลิกลักษณะที่ดูเชย ๆ คนเมืองก็เลยไม่กรี๊ดแถมออกจะเมินเสียด้วยซ้ำ หากขี่ไม้กวาดเป็นพ่อมดอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ ออกจะได้เสียงเชียร์มากกว่า

แต่สิ่งหนึ่งที่กระหังพอจะทำได้เมื่อมาอยู่เมืองหลวงคือ อาชีพพี่วิน แต่งตัวดี ๆ หน่อย ใส่เสื้อวิน ใส่หมวกกันน็อคตามกฎหมาย แล้วให้บริการผู้คนรับส่งถึงที่หมาย ก็พอจะทำให้หายเหงาได้เหมือนกัน

๓. ผีกองกอย

เมื่อผีที่คุ้นหูเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แถมมีชื่อน่ารักดูไม่มีพิษไม่มีภัย มาพร้อมกับเอกลักษณ์มีขาข้างเดียวจึงต้องกระโดดหยอง ๆ น่าเอ็นดู แต่ความร้ายกาจของเจ้าผีตัวนี้ก็มีไม่น้อยด้วยความดุร้ายที่ขัดกับรูปร่างหน้าตา อย่างไรก็ตามเมื่อต้องมาเผชิญกับความวุ่นวายของถนนเมืองกรุง จักรยานยนต์ที่ชอบวิ่งบนฟุตบาท และฝาท่อที่ไม่สมประกอบ ย่อมส่งผลให้ผีกองกอยใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกว่าที่คิด จนอาจจำต้องยอมแพ้กลับไปอยู่ป่าเหมือนก่อนก็เป็นได้

ในอีกมุมผีกองกอยก็สามารถเป็นตัวแทนของคนพิการ ที่ช่วยกันตรวจสอบดูแลอาคารสถานที่ สาธารณูปโภค และระบบขนส่งสาธารณะว่ามีความสะดวกกับคนพิการมากน้อยแค่ไหน หากผียังอยู่ไม่ได้ คนก็คงลำบากมากไม่น้อย

๔. ผีปอบ

อีกหนึ่งตำนานคลาสสิคที่หากจำใจต้องเข้ากรุงเพียงเพราะความเงียบเหงาของชนบท ความสยองที่ทุกคนพร้อมใจกันวิ่งหนีแต่เมื่อมาถึงที่นี่เมืองกรุงย่อมไม่ธรรมดา เพราะทุกคนรักษาสิทธิ์ของตัวเองเต็มที่ ต่อให้ใหญ่มาจากไหนก็ไม่ปล่อยให้ใครมาแย่งแทรกคิวได้ เข้ากรุงวันนี้ป้าปอบคงได้รู้แล้วว่า จอมแทรก จอมปาด จอมลัดคิว โดยเฉพาะมนุษย์ลุง มนุษย์ป้าทั้งหลาย คนกรุงเขากลัวและรังเกียจยิ่งกว่าผีเสียอีก

๕. ผีเปรต

หากชีวิตเยี่ยงผีเปรตนั้นลำบาก พูดก็ไม่ได้ กินก็ไม่อิ่ม ต้องทนทุกข์ในชีวิตประจำวัน ได้แต่หวังว่าเข้าเมืองหลวงมาจะสบาย แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาทนทุกข์อย่างมนุษย์เงินเดือน แย่งกันกิน แย่งกันใช้ แย่งกันเดินทาง อยู่ในสังคมก้มหน้าที่ไม่มีใครมองใคร ไม่มีใครสนใจใคร แม้แต่ผีเปรตเมื่อเดินท่อม ๆ ท่ามกลางฝูงชนก็ถูกกลบกลืนไปไร้ความแตกต่าง แล้วผีเปรตผู้โด่งดังจากบ้านนอกบ้านนาจะยอมทนอยู่ในสภาวะแบบนี้จริงหรือ

 

บางที ผี ๆ อาจจะต้องพิจารณาตัวเองว่า จริง ๆ แล้ว การเดินทางเข้ามาแสวงหาแสงสีในเมืองหลวงนั้น คือเส้นทางที่เลือกแล้วว่าดี…หรือไม่กันแน่