พ่อแม่รู้ป่ะ! โตขึ้น “หนู” อยากเป็นอะไร?

…เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า…

…เด็กคืออนาคตของชาติ…

คำขวัญที่ให้ความสำคัญกับเด็กมีอยู่มากมาย พ่อ แม่ ผู้ปกครองก็หวังให้เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างก้าวหน้า ประกอบสัมมาอาชีพที่ได้รับการนับหน้าถือตา มีเงินมีทองใช้ และเผื่อแผ่มาถึงตัวเองบ้าง หลายคนเลยกำหนดวางแผนเส้นทางชีวิตลูกตั้งแต่วัยเด็กว่า เติบโตขึ้นมาลูกของตัวเองจะเป็นต้องอะไร โดยไม่เคยถามลูกเลยว่า จริง ๆ แล้วพวกเขาอยากเป็นหรืออยากทำอะไรกันแน่

หากเห็นว่าอนาคตของเด็กนั้นสำคัญ ควรถามลูกหรือไม่ว่า โตขึ้นลูกอยากเป็นอะไร เพราะในมุมมองของลูกนั้นอาจแตกต่างจากพ่อแม่ก็ได้ เช่น

 

เมื่อพ่อแม่ อยากให้ลูกโตไปเป็น “หมอ”

เพราะเป็นอาชีพที่ดีมีคนนับหน้าถือตา ได้ช่วยเหลือผู้คน แต่ในมุมมองของลูก อาจจะอยากเป็น “หมอดู” มากกว่าก็ได้ เพราะ อาชีพนี้ก็ได้ช่วยเหลือผู้คน เป็นที่นับหน้าถือตา ไม่เสี่ยงถูกฟ้องเมื่อรักษาผิดพลาด แถมยังมีรายได้ดี อาชีพดี ๆ แบบนี้ ทำไมเด็กรุ่นใหม่จะไม่อยากเป็น

เมื่อพ่อแม่อยากให้เป็น “ครู”

เพราะครูคือคนที่มีความรู้ มีคุณค่า สามารถสอนคนให้เป็นใหญ่เป็นโตได้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่ในมุมมองของลูก อาจจะคิดว่า ครูยุคนี้บางคนก็รู้ไม่จริง สอนไปเด็กก็ไม่ฟัง มีแต่ความรู้เก่า ๆ น่าเบื่อ ตีเด็กก็ถูกฟ้อง แถมต้องเอาใจครูผู้ใหญ่อีก เป็น “กูรูออนไลน์” ดีกว่า รู้ลึก รู้จริง สอนแบบทันสมัย เข้าใจง่าย เข้าถึงคนได้ดีกว่า จะมีทำตัวหยาบ ๆ ห่าม ๆ ก็ไม่มีใครว่าตราบใดที่รู้จริง ให้คุณค่ากับความรู้มากกว่าเปลือกที่เป็นครูเสียอีก

เมื่อพ่อแม่อยากให้เป็น “นักบิน”

อาชีพด้านสายการบินนี้รายได้ดี มีความมั่นคงสูง แถมได้เที่ยวตลอดเวลา แต่ในมุมมองของลูก กลับเห็นว่า อาชีพนี้เอ้าท์แล้ว เรียนกันเกลื่อน นักบินเกินความต้องการ สายการบินก็เจ๊งระนาว ลูกขอฝันเป็น “บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว” ดีกว่า หรือเป็นนักรีวิวก็ได้ รีวิวได้ทุกสายการบิน ได้บิน ได้เที่ยว ได้ทำงานไปพร้อม ๆ กัน อาชีพแบบนี้ดีกว่านักบินเยอะ

เมื่อพ่อแม่อยากให้เป็น “ดารา”

วงการบันเทิงนั้นเย้ายวนเสมอ พ่อแม่หลายคนปั้นลูกให้เป็นดาราตั้งแต่เด็ก แต่พอถามเด็กยุคใหม่จริงแล้ว เขาอยากเป็น “เน็ตไอดอล” หรือ “ยูทูปเบอร์” มากกว่า เพราะไม่ต้องสังกัดค่าย ไม่ต้องง้อสื่อ ไม่ต้องรอโปรดิวเซอร์ดัน ถ้ามีฝีมือทุกคนก็สามารถดังได้ด้วยตัวเอง รายได้ก็ไม่น้อยหน้าดารา แถมไม่ต้องหักเปอร์เซ็นต์ให้ใครอีกด้วย

เมื่อพ่อแม่อยากให้เป็น “ทหาร”

อาชีพนี้ล่ะเด็ดนัก มีความมั่นคง มีความมั่งคั่ง มีตำแหน่งใหญ่โต มีโอกาสเป็นนายก พ่อแม่แนะให้ลูกเป็นทหาร เด็กยุคนี้ได้แค่ส่ายหน้า ถามกลับว่าไม่อยากให้ลูกเก่งเลยหรือ ยุคนี้โลกไปถึงไหนเขาไม่ใช้ทหารรบกันแล้ว ใช้คอมพิวเตอร์กดปุ่ม ถ้าจะให้คนรุ่นใหม่เป็นทหารขอเลือกเป็น “แฮกเกอร์” น่าจะมีความมั่นคง และมั่งคั่งกว่ามากในอนาคต

เมื่อพ่อแม่อยากให้เป็น “ข้าราชการ”

อาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มีเกียรติและมั่นคง มีการเติบโตเรื่อย ๆ ทุกปี มียศมีตำแหน่งมีเครื่องราชย์ มีสวัสดิการมากมาย เด็กรุ่นใหม่ฟังอย่างนี้แล้วส่ายหัว ถ้าอยากมีเกียรติ มีการเติบโต มียศมีตำแหน่ง ถามยังสวัสดิการดีไม่เสียภาษี โตขึ้นขอเป็น “พระ” ดีกว่า

เมื่อพ่อแม่อยากให้เป็น “นักกฎหมาย”

เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความเคารพจากสังคม หากเป็นไปถึงผู้พิพากษายิ่งดี แต่เมื่อถามเด็กรุ่นใหม่แล้วพวกเขากลับบอกว่า อีกหน่อยก็มีปัญญาประดิษฐ์ก็ทำหน้าที่แทนนักกฎหมายหมดแล้ว หากจะมีสิ่งที่เทคโนโลยีมาแทนไม่ได้น่าจะเป็น “รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย” มากกว่า เพราะไม่ว่ากฎหมายจะเขียนว่าอย่างไรก็สามารถปรับเปลี่ยนเจตนาของกฎหมายได้ตามความต้องการ เป็นรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายเจ๋งกว่าเยอะครับ อุ๊บส์!!

ตัวอย่างที่ยกมาอาจจะฮาไปบ้าง แต่ความสำคัญคือ โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก อาชีพในอนาคตจะไม่เหมือนอาชีพของคนรุ่นพ่อรุนแม่ หากอยากให้ลูกเติบโตได้อย่างมั่นคง สิ่งสำคัญที่ควรให้ลูกเรียนรู้คือ “การปรับตัว” และฟังลูกบ้างว่าต้องการทำอะไรจริง ๆ มิฉะนั้นแล้ว อนาคตของลูกลำบากแน่นอน