พีเอ็ม ๒.๕ ลุงเฉย ไทยไม่เฉย

เดือนนี้ “พีเอ็ม ๒.๕” โคตรวิกฤติ ฝุ่นลงทุกเช้า กลางวัน เย็น ไปจนถึงกลางคืน แบบที่ว่าเห็นชัดมากกกก มองไปทางไหนก็เป็นฝ้าไปสุดสายตา แต่ที่น่าเหลือเชื่อกว่าคือคนไทยที่ยังใช้ชีวิตปกติธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หน้ากากกันฝุ่นที่เคยแย่งกันซื้อแทบตาย ตอนนี้มีมาแจกก็ยังไม่ใส่กัน หรือว่าเราจะชินจนลืมไปว่า พีเอ็ม ๒.๕ นั้นอันตรายต่อสุขภาพแค่ไหน

ถ้าคนไทย เป็นไทยเฉยไม่ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น ให้พี่ตูนวิ่งรอบโลกกี่โรงพยาบาลก็รองรับคนไข้ไม่ไหวแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อ พีเอ็ม ๒.๕ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ และอาจเป็นสาเหตุของโรคร้ายอื่น ๆ มากมาย เพื่อให้คนไทยใส่ใจและตระหนักถึงความสำคัญของหน้ากากกันฝุ่น และ พีเอ็ม ๒.๕ มากขึ้นจนไม่อยู่เฉย เราขอเสนอแนวทางล้ำ ๆ เพื่อให้คนหันมาใส่หน้ากากกันฝุ่นกัน

๑. หน้ากากกันฝุ่น รุ่นปลุกเสก ลิมิเต็ตเอดิชั่น

ถ้าวิทยาศาสตร์ไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของคนไทยได้ เปลี่ยนเป็นศาสตร์อื่น ๆ โดยเฉพาะโหราศาสตร์ หรือ ไสยศาสตร์ น่าจะทำให้คนไทยตัดสินใจง่ายขึ้น หากมีหน้ากากปลุกเสกรับรองว่าขายดีแน่นอน

๒. ไอดอลคนดังเสียสละออกวิ่งไล่ฝุ่น

เพราะคนไทยพร้อมที่จะสนับสนุนฮีโร่ที่ลุกขึ้นมาช่วยเหลือสังคม หากมีไอดอลที่ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบปัญหาฝุ่นลุกขึ้นมาวิ่งไล่ฝุ่น คนไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนและตระหนักถึงอันตรายของฝุ่นมากขึ้น

๓. ประกาศปรับราคาหน้ากาก

เหมือนปรับราคาน้ำมันพอมีประกาศขึ้นราคา รถเต็มปั๊มน้ำมันทันที ถ้าหน้ากากมีการปรับราคาบ้างคนไทยก็น่าจะกระตือรือร้นที่จะซื้อหาหน้ากากมาใส่กัน

๔. รัฐออกมาประกาศว่าไม่อันตราย

อันนี้ได้ผลที่สุด ถ้าลุงบอกไม่อันตราย เฉย ๆ ชิล ๆ ทุกคนจะรู้ได้ทันทีว่าอันตรายมากแน่นอน ต้องทำอะไรสักอย่างให้ปลอดภัยจากฝุ่นแล้ว เป็นวิธีการที่อินเซปชั่นแบบไทย ๆ แต่ได้ผลทุกครั้งไป

 

ถ้า ๔ วิธีนี้ยังไม่ได้ผล คงต้องปล่อยให้ฝุ่นหนาจนทนไม่ไหวแล้วจึงยอมใส่หน้ากากกันฝุ่นเอง แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ ควรจะประกาศวันหยุด งดใช้รถยนต์ งดก่อสร้างไปเลยน่าจะช่วยได้มากกว่า พีเอ็ม ๒.๕ แม้จะเล็กจนมองไม่เห็นแต่เมื่อมาอยู่รวมกันมาก ๆ อันตรายกว่าที่ใครคาดคิด ใส่หน้ากากกันฝุ่นวันนี้ก่อนที่จะสายเกินไป