๓๐ ปี เพลงรักเธอประเทศไทย รักประเทศไทยอย่างไรให้โลกจำ กับ ‘พี่หรั่ง ร็อคเคสตรา’

“ผมเป็นทหาร ผมอยากมีเพลงใหม่เพื่อใช้ในการวิ่งออกกำลังกาย ครั้งแรกก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น แต่เมื่อถึงเวลา เมื่อถึงสถานการณ์บางอย่าง เพลงก็จะเป็นตัวส่งให้เราอยู่แล้ว”

แทบทุกกิจกรรมที่แสดงความรักชาติ ทั้งที่จัดโดยภาครัฐและภาคเอกชน หรือแม้กระทั่งในการชุมนุมทางการเมือง หนึ่งบทเพลงที่ถูกนำมาใช้ขับกล่อม และรณรงค์สร้างจิตสำนึกรักชาติอยู่เสมอคือ เพลงรักเธอประเทศไทย ที่ขับร้องโดย “พี่หรั่ง ร็อคเคสตร้า” หรือ “ชัชชัย สุขขาวดี” นักร้องเพลงร็อคระดับตำนานของประเทศไทย เมื่อมานับนิ้วมือนิ้วเท้าจนน็อกรอบแล้วก็คิดได้ว่า เพลงนี้มีอายุครบ ๓๐ ปีแล้วนะ หากมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของเสียงคงจะน่าสนใจไม่น้อย Typeไทย จึงได้นัดหมาย “พี่หรั่ง” ที่ ร็อคเคสตราอคาเดมี่ โรงเรียนสอนดนตรีของพี่หรั่งที่ย่านบางนาชวนมาคุยถึงความหลังและอนาคตของเพลงรักเธอประเทศไทยกัน

พี่หรั่งในวัยเลข ๖ นำหน้ายังคงกระฉับกระเฉง ยิ้มแย้มแจ่มใส อาจเป็นเพราะได้สอนดนตรีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ หลังจากส่งนักเรียนคนสุดท้ายของวันกลับบ้าน ก็มานั่งคุยกับ Typeไทย อย่างเป็นกันเอง

“ที่จริงในตอนแรกเพลงรักเธอประเทศไทยไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นะ เราไม่ได้เป็นวงระดับแถวหน้าที่ทำเพลงนี้ออกมาแล้วได้ความนิยมมากมายอะไร คงเพราะตอนนั้นคนยังไม่รู้สึกอะไรกับชาติ ประเทศยังไม่แตกแยกทางความคิด ยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามี ประเทศต้องการวามรักความสามัคคี และความรู้สึกของคนในสังคมที่สอดคล้องกับเนื้อหาของเพลง เพลงนี้ก็เลยได้เข้ามามีบทบาทรับใช้สังคม รับใช้ประเทศมาจนถึงทุกวันนี้”

เมื่อพี่หรั่งเปิดมาอย่างนี้ เราก็ต้องรีบถามทันทีว่า จุดเริ่มต้นของเพลงรักเธอประเทศไทยมีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปตอนทำอัลบั้มเดี่ยวที่ชื่อว่า “มดคันไฟ” วางจำหน่ายในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยเรื่องพี่หรั่งเล่าสร้างความประหลาดใจให้กับ Typeไทย มากเพราะความตั้งใจแต่เดิมของเพลงนี้คือ อยากทำเพลงเพื่อให้คนนำไปใช้ออกกำลังกาย

“แต่ก่อนตอนที่พี่หรั่งเป็นทหารเรือนาวิกโยธิน แผนกดุริยางค์กองทัพเรือ ก็จะมีการออกำลังกายด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ ทุกเย็น เวลาวิ่งก็จะร้องเพลงมดแดงแฝงมะม่วงที่เป็นจังหวะมาร์ชเนิบ ๆ พอมาทำอัลบั้มมดคันไฟก็เลยคิดว่าน่าจะมีเพลงที่น่าจะเหมาะแก่การใช้ประกอบการวิ่งออกกำลังกาย แต่ถ้าเป็นเพลงมาร์ชก็ออกจะทหารไปหน่อย เลยปรับให้โมเดิร์นขึ้นในยุคนั้นเป็นแนวโมเดราโต้ร็อก บีทเดียวกับเพลงมาร์ช แต่จะเด้งขึ้นมาหน่อย”

แม้จะเป็นผู้วางคอนเซป แต่ยังมีอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้ และช่วยทำให้เกิดเพลงนี้ขึ้นมาคือ คุณณัฐภพ พรหมสุนทรสกุล ผู้แต่งและเรียบเรียงเพลงรักเธอประเทศไทย โดยพี่หรั่งเผยว่า “เพลงนี้สร้างขึ้นมาโดยเพื่อนอีกคนหนึ่ง คือคุณกวาง ณัฐภพ พรหมสุนทรสกุล เป็นผู้เรียบเรียงทุกอย่างขึ้นมาโดยที่มีผมกับวงร็อคเคสตร้าช่วยกันวางคอนเซป ปัจจุบันลิขสิทธิ์เพลงนี้ก็ได้เซ็นสัญญาให้กับคุณกวางไป”

แม้จะมีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์เพลงเพื่อออกกำลังกาย แต่ด้วยความหมายและจังหวะของเพลงรักเธอประเทศไทยเมื่อผนวกเข้ากับสถานการณ์ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้า และต้องการความรักความสามัคคี เพลงนี้จึงถูกนำมาใช้เพื่อปลุกพลัง ปลุกจิตสำนึกให้กับคนในสังคม เมื่อมองย้อนกลับไปพี่หรั่งเห็นถึงเส้นทางของเพลงนี้ว่า

“ตัวผมพื้นฐานคือทหาร อาจจะอยู่ในส่วนของอาจารย์ที่อบรมเรามาว่า ให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อผู้ที่เสียสละให้กับชาติบ้านเมือง ผมถูกอบรมมาแบบนี้ วิธีคิดหรือวิธีทำที่จะต่อจากนั้นก็คือ เรายังคงทำงานให้กับสิ่งที่เราเคารพ สถาบัน ประเทศชาติ เมื่อเรามีอาชีพนักดนตรี เราก็ทำดนตรี เล่นดนตรี ทำหน้าที่ด้านศิลปะสร้างจิตสำนึก พี่พี่หรั่งคิดว่าหน้าที่ของพี่คือเท่านั้น”

สำหรับคนอายุ ๓๐ ปี ถ้าเป็นผู้หญิงก็สวยสะพรั่ง ถ้าเป็นผู้ชายก็เป็นกำลังสำคัญเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ของครอบครัวของสังคมและประเทศ แล้วถ้าเพลงรักเธอประเทศไทยเป็นคนไทยคนหนึ่ง เขาหรือเธอจะเป็นอะไรในวันนี้ พี่หรั่งมองว่าก็น่าจะเป็นคนที่ทำหน้าที่รับใช้ทุกกิจกรรมในสังคมที่ต้องการสร้างจิตสำนึกรักประเทศชาติโดยไม่เกี่ยงศาสนา

“รักเธอประเทศไทยก็เป็นคนประเภทนั้น เพราะรักเธอประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อตัวเงิน ใครเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ในสังคมก็ทำได้ หน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา ทหาร ตำรวจ ลูกเสือ แม้แต่ในแบบเรียน ใช้ได้ไม่มีใครไปเก็บค่าลิขสิทธิ์ ทุกคนเสียสละไม่มีใครมาเรียกร้องเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง เพราะรู้ว่าเพลงนี้สามารถทำงานให้กับส่วนรวมได้”

เมื่อได้เจอนักร้องรุ่นใหญ่เจ้าของเสียงร้องรักเธอประเทศไทยทั้งที Typeไทย ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงศิลปินรุ่นหลัง ที่ทำเพลงวิพากษ์วิจารณ์สังคมและประเทศ พี่หรั่ง ก็ถามกลับมาทันทีว่า “ประเทศกูมีใช่ไหม?” เอาจริง ๆ ตอนแรกเราเองก็ไม่กล้าถามตรง ๆ เพราะไม่รู้จะได้คำตอบอย่างไร แต่พอพี่หรั่งถามกลับมาแบบนี้ก็ได้แต่พยักหน้า พี่หรั่งยิ้มแล้วก็บอกว่า “ดี…พี่ชอบนะ” เพราะแม้แต่พี่หรั่งเองบางครั้งก็คิดและรู้สึกแบบศิลปินรุ่นใหม่เหมือนกัน พี่หรั่งอยู่ในวงการมานาน เติบโตมาในสังคมแบบเดียวกัน มีทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีให้จดจำ เห็นอะไรมาเยอะจึงทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ แต่พี่หรั่งก็มีอะไรอยากฝากให้น้อง ๆ ได้คิดเหมือนกันว่า

“รู้ไหมทำไมรักเธอประทศไทยถึงอยู่มาได้ เพราะเพลงนี้ให้อย่างเดียว แบบไม่หวังอะไรเลย เพลงอย่างประเทศกูมี จะมาช่วงเวลาเดียว คือขาดความคลาสสิค ขาดความว่าต่อไปแล้วเพลงจะนำไปสู่อะไร ไปสร้างอะไรต่อไป คุณต้องมองไปข้างหน้าว่าเพลงจะทำอะไรได้ในอนาคต ไม่งั้นมันก็เหมือนเพลง ขอเวลาอีกไม่นาน… เป็นเพลงประเภทเดียวกันแต่อยู่คนละข้าง ที่เมื่อมองไปข้างหน้าแล้วก็ไปต่อไม่ได้ ไม่ให้อะไรกับสังคมนอกความความรู้สึก ความสะใจเป็นครั้งคราว ที่ว่ามานี่ไม่ใช่ไม่ชอบนะ ชอบทั้งสองเพลงแต่อยากให้ช่วยกันมองให้ไกลกว่านั้นเท่านั้นเอง”

เมื่อเปิดหน้ามาขนาดนี้แล้ว Typeไทย ต้องรุกถามพี่หรั่งให้หนักขึ้นถามถึงเรื่อง “คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่” พี่หรั่งในฐานะคนรุ่นเก่า คนที่เกิดมาก่อน มองคนรุ่นใหม่อย่างไร คนรุ่นใหม่รักชาติมากหรือน้อยกว่าคนรุ่นเก่าหรือไม่ เชื่อว่าคำถามนี้พี่หรั่งตอบยากแน่นอน ซึ่งพี่หรั่งเองใช้เวลาคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “คนยุคนี้รักประเทศไทยมากกว่าแต่ก่อนหรือน้อยกว่าแต่ก่อน ผมวัดไม่ได้ ผมไม่ได้อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ หรือสำนักงานสถิตินะ ผมไม่เคยคิดว่าหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ผม”

หลังจากตอบมาอย่างนี้แล้ว พี่หรั่งก็หันมามองหน้า Typeไทย แล้วหัวเราะสะใจเล็ก ๆ ที่ย้อนคำถามของเราได้ แล้วก็พูดต่อว่า

“แต่เอาด้วยความรู้สึกจริง ส่วนตัวพี่หรั่งนะ พี่หรั่งว่าทุกยุคมีวิธีการรักที่ไม่เหมือนกัน พี่หรั่งก็ไม่ได้รังเกียจรุ่นไหนเลย เพราะยุคนี้เขาอาจจะความรู้เยอะ เขาก็รักของเขาแบบหนึ่ง ซึ่งเราจะต้องฟังด้วยนะ เปิดให้กว้างแล้วฟังเค้าด้วย ว่าเขารักของเขาแบบไหน จริง ๆ ก็ต้องมีเวทีให้เขา ให้เขามีโอกาสได้พูดแล้วผู้ใหญ่ต้องยอมรับฟังเค้าด้วย เพราะโลกจะต้องอยู่ได้ด้วยคนรุ่นใหม่ ไม่ได้อยู่เฉพาะคนรุ่นเก่า”

และในมุมมองของพี่หรั่ง ไม่ใช่แค่เปิดกว้างเฉพาะกับคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่ต้องเปิดใจให้คนรุ่นเก่าด้วย เพราะพี่หรั่งยังบอกกับ Typeไทย ต่อไปว่า เพราะคนรุ่นเก่าเองก็มีประสบการณ์ดี ๆ  และผ่านร้อนผ่านหนาวลองผิดถูกมามากแล้วก็ควรที่จะเปิดใจรับฟัง ให้คนรุ่นเก่าเป็นปรึกษาจะได้ไม่พลาดกัน

“บางทีก็อาจจะต้องฟังกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าใครสุดโต่งไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” พี่หรั่งสรุป

คุยเรื่องเครียด ๆ มาพอแล้ว ขอคุยกับพี่หรั่งด้วยคำถามสนุก ๆ บ้างดีกว่า Typeไทย ถนัดนักที่จะยิงคำถามแบบที่ผู้ถูกถามไม่คาดคิดมาก่อน อันที่จริงก็กลัวว่าถ้าคุยประเด็นหนัก ๆ มากไปจนกลายเป็นการเมืองไปหมดจะโดนพี่หรั่งว่าเอา ก็เลยยิงคำถามไปว่า หากเปรียบเทียบประเทศไทยเป็นคน ๆ หนึ่ง จะเป็นเพศอะไร และมีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร? เหมือนพี่หรั่งจะรู้แกว เพราะถามปุ๊ป พี่หรั่งตอบทันทีว่า ผู้หญิงแน่นอน!

“ประเทศไทยก็ต้องเป็นผู้หญิงนะ พี่ตอบตามที่พี่เห็นนะ” พี่หรั่งย้ำ “ใครจะแย้งก็แย้งได้นะ แต่เท่าที่พี่มีอายุมีชีวิตมานี่ประเทศไทย คนแอคชั่นผู้หญิงเยอะกว่า ส่วนใหญ่ผู้ชายส่วนใหญ่จะหาประโยชน์”

แล้วผู้หญิงที่ชื่อว่า ประเทศไทย เป็นผู้หญิงแบบไหน? พี่หรั่งมองว่า “เป็นผู้หญิงที่มีความสวยงาม มีวัฒนธรรม อ่อนหวานนุ่มนวล ถึงจะมีรับของฝรั่งมาบ้างก็เพื่อให้ไม่เลี่ยน ให้รู้สึกว่ามีโมเดิร์นด้วยนะ แล้วก็มีทั้งแข็งแกร่ง มีทั้งความรอบรู้ ค่อนข้างจะแมน ๆ ด้วย พี่รู้สึกอย่างนั้นด้วยนะ”

ทำไมถึงคิดว่าเป็นผู้หญิงแมน ๆ พี่หรั่งอธิบายว่า “ก็ต้องมีความแข็งแกร่งด้วย เพราะไม่อย่างนั้นในอดีตเมื่อถึงเวลารบ ผู้หญิงคนไม่ออกมามากมายขนาดนั้นนะ ลองดูสิจริงมั้ย ถึงตอนนี้ก็เถอะนักศึกษาที่ออกมาเห็นไหมผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย น้อง ๆ รุ่นใหม่ที่ออกมาในวันนี้ก็ผู้หญิงเยอะกว่า ส่วนผู้ชายคอยดูนะท้ายที่สุดเมื่อตรวจสอบแล้วก็โดนเกือบทั้งนั้นเลย”

.

วกกลับเข้ามาที่สถานการณ์ของประเทศ แน่นอนเพลงรักเธอประเทศไทยยังคงใช้ได้ ใช้ได้กับทุกกลุ่มทุกคนที่มเป้าหมายคือเพื่อประเทศไทยเหมือนกัน ซึ่งพี่หรั่งก็ยืนยันว่าใช่ “เพราะว่าที่ผ่านมาคือ เราคิดแค่นี้แหละ เราคิดเหมือนกับเมื่อกี้ที่พูดน่ะ แต่เราหวังจะไปช่วยแค่นั้น แต่ปรากฏว่ากลายเป็นพวกเขา เพราะอีกฝ่ายเขาไม่ได้เชิญไง ก็กลายเป็นเหมือนว่าเลือกฝ่าย จริง ๆ  ไม่ได้เลือก”

แล้วในวันนี้ Typeไทย ขอละลาบละล้วงถามกันตรง ๆ คิดว่าจะทำเพลงใหม่หรือไม่? พี่หรั่งหันมาตอบอย่างชัดเจนว่า “มี เสร็จแล้ว” จนคนถามต้องเผลอถามซ้ำว่าจริงสิพี่ พี่หรั่งก็ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า “จริง เป็นเพลงร็อกแน่ ๆ แรงเลย” ขอ Typeไทย ฟังก่อนได้ไหม คราวนี้พี่หรั่งคิดอยู่นานก่อนตอบ “จะว่าไงดีล่ะ คือมีอยู่นี่ อยู่ตรงนี้เลย แต่พี่ไม่อยากปล่อย คือถ้ายังไม่ถึงเวลาสมควรก็ต้องเก็บไว้ก่อน” หมายว่าว่าอย่างไร? พี่หรั่งอธิบายว่าเวลาศิลปินทำงานเขาจะรู้จังหวะเวลา งานชิ้นไหนควรปล่อยตอนไหน ซึ่งเพลงที่พี่หรั่งแต่งใหม่นี้จะปล่อยแน่เมื่อถึงเวลาอันสมควร

แต่ใจพี่หรั่งก็ไม่อยากปล่อยนะ เพราะสถานการณ์ที่เข้ากับเพลงนี้คือคนไทยทะเลาะกันหนักจนเอาไม่อยู่แล้ว” หลังจากที่พี่หรั่งพูดประโยคนี้ Typeไทย เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่หรั่งแล้วบอกกับพี่เขาว่า “งั้นเราก็ไม่อยากฟังเพลงนี้แล้วนะพี่”

กลายเป็นว่า Typeไทย เองที่เงียบไปหลักจากที่พี่หรั่งพูดถึงเพลงใหม่ที่ไม่อยากปล่อยออกมาและเราเองก็ไม่อยากฟัง คำถามเบา ๆ ที่ออกจากปากกลายเป็น ประเทศเราไม่มีความหวังเลยหรือ? พี่หรั่งยิ้มให้กำลังใจแล้วตอบว่า “พี่มีความหวังนะ”

“พี่หรั่งหวังในตัวน้อง ๆ ในคนรุ่นใหม่นะ ทุกคนเก่งทั้งนั้นแหละ เพียงแต่อาจจะผ่านงาน ผ่านประสบการณ์มาน้อย ประเทศเรากำลังเปลี่ยนผ่าน เด็กเรากำลังพัฒนามากอย่างรวดเร็ว ก็อาจจะผ่านไปเลยก็ได้โดยทิ้งอนาล็อกไว้ ข้ามไประบบดิจิทัล พี่หรั่งถึงบอกว่าถ้าจะเอาแบบผมมันเป็นอีกแบบหนึ่ง ถ้าจะเอาแบบรุ่นใหม่เราก็ไม่ว่าไม่ได้ เพราะเขาก็จะเอาอีกแบบนึงไง ก็เหมือนการเมืองนั่นแหละ ก็เค้าจะเอาอีกแบบนึง แต่คนแก่ก็ไม่ได้ผิดนะ เขาได้เห็นมาแบบนั้น แล้วก็เคยผิดถูกมาแล้ว เด็กใหม่ไม่เคยลองผิดนะเอาถูกเลยซึ่งมันก็เสี่ยง ถ้าสองคนร่วมมือกันก็ดีจริงมั้ยล่ะ”

ถ้าอย่างนั้นในฐานผู้ใหญ่ รุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นปู่ พี่หรั่งสามารถแนะนำน้อง ๆ หลาน ๆ ถึงวิธีรักประเทศไทยเจ๋ง ๆ สักวิธีสองวิธีได้ไหม ซึ่งพี่หรั่งเองก็บอกว่าง่ายมาก เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวที่สุด ที่ทุกคนมักจะลืมไปคือเริ่มจากตัวทุกคนเองโดยอธิบายว่า

“เริ่มจากตัวเอง ให้ระเบิดจากภายในขยายมาที่คนรอบตัวรอบข้างในครอบครัว ดูแลคนใกล้ชิดก่อน ทำดีที่สุดกับภรรยา ทำดีที่สุดกับสามี กับลูก กับพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา เอาแค่นี้ก่อนดีหรือยัง ถ้าดีแล้วจึงค่อย ๆ ไปขยายไปอะไรที่ไกลกว่านั้น สังคมรอบข้าง จนพร้อมทุกอย่างจะก้าวไปสู่ระดับชาติจะลุกขึ้นสู้เพื่ออุดมการณ์พี่หรั่งก็เห็นด้วยเพราะว่ามีรากฐานที่แข็งแกร่งแล้ว เน้นที่ระเบิดจากภายใน เน้นที่บุคคลใกล้ตัวบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุด เอาแค่นี้ก่อนแล้วพอถึงเวลาที่เหมาะสมคนที่มีความเข็มแข็งจากรากฐานคือคนที่จะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับประเทศชาติได้มากที่สุด”

เช่นเคย Typeไทย คงไม่มีข้อสรุปอะไรให้กับคนอ่าน เราเพียงแค่เป็นผู้ถ่ายทอดความในใจจากคน ๆ หนึ่งมาสู่คนไทยอีกหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในช่วงเวลาอย่างนี้ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติการณ์โรคระบาดในระดับโลก หากคนไทยเห็นแก่ประเทศชาติ เห็นแก่คนรอบตัว และเอาในใส่ดูแลคนใกล้ตัวให้ดีที่สุด เราก็จะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยด้วยกันทั้งประเทศ

… จะดีจะเลว เธอก็ยืนเคียงข้าง จะจำไม่จาง ยังซึ้งใจ

จะเป็นจะตาย ดีร้ายสักเพียงใด ฉันทำได้เพื่อเธอ …

“เมื่อหลายปีก่อนมีผู้ใหญ่พูดกับผมว่า ‘คุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถถ่ายทอดเพลงแบบนี้ได้ โดยที่ฟังแล้วไม่รู้สึกแก่ ไม่กระอักกระอ่วน ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าจริง’ นี่คงเป็นคำพูดที่ทำให้พี่หรั่งเป็นพี่หรั่งทุกวันนี้”

 หรั่ง ร็อคเคสตรา