“โรงรับจำนำ” สถาบันการเงินรากหญ้าสำหรับคนไม่ท้อ

…สำหรับเราแล้วแล้วลูกค้าคือผู้มีพระคุณ ลูกค้าได้มอบความไว้วางใจนำของมีค่ามาฝากไว้ที่เราแค่ชั่วคราว เมื่อลูกค้าจัดการกับอุปสรรคหรือความท้าทายได้เขาก็มารับของคืนกลับไปพร้อมรอยยิ้ม…

มันนี่คาเฟ่

“ช็อตเงิน” คำสั้น ๆ ที่ไม่มีใครต้องการฟัง ไม่ต้องการเจอ ไม่ต้องการเป็น แต่ในช่วงล็อกดาวน์จากภาวะโรคระบาดที่ผ่านมา หลายคนหลีกหนีคำนี้ไม่พ้น อันที่จริงแล้วคนไทยกับอาการ “ช็อต” หรือ “อาการขาดเงินในช่วงเวลาสั้น ๆ” ดูเหมือนว่าจะเป็นของคู่กัน ส่วนวิธีการแก้ก็เหมือนจะง่าย เพียงแค่หาวงเงินชั่วคราวมาหมุนก็แก้ได้แล้ว แต่คำถามสำคัญคือจะเอาเงินก้อนนั้นมาจากไหน?

หากต้องการเงินหมุนสักก้อน หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน จะให้ไปหยิบยืมใครก็เกรงใจ จะไปธนาคารก็วุ่นวายทำเอกสาร ใช้เวลานานกว่าจะอนุมัติ แถมระยะเวลาผ่อนจ่ายก็ยาวจนเป็นภาระ หลักทรัพย์ค้ำประกันก็ต้องมีมูลค่าสูง บัตรกดเงินสดเห็นอัตราดอกเบี้ยมือก็สั่นแล้ว เงินกู้นอกระบบก็มีความเสี่ยง มองซ้ายมองขวาก็จะพบสิ่งที่เรียกว่า “โรงรับจำนำ”

โรงรับจำนำ สถาบันการเงินที่ปรากฏหลักฐานว่าเริ่มเข้ามาประกอบกิจการในสังคมไทยมากว่า ๑๖๐ ปีมาแล้ว และอยู่คู่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมาถึงปัจจุบัน ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับทุกคนที่มีความจำเป็นใช้เงินด่วนมีศักยภาพคืนเงินได้ในระยะสั้น โดยใช้ทรัพย์สินมีค่าเป็นของค้ำประกัน ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจซบเซา ผู้คนถูกเลิกจ้าง ตกงาน คนไทยจำนวนไม่น้อยอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องต่อสู้เพื่อลืมตาอ้าปากให้ได้

Typeไทย ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของโรงรับจำนำเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะต้องการทราบว่า สถาบันการเงินรากหญ้าที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน จะมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือให้คนไทยได้ลืมตาอ้าปาก ผ่านพันวิกฤตในปีนี้ได้ได้อย่างไร?

“เราคือแหล่งเงินทุนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าใครกำลังเผชิญกับความท้าทายอะไรที่เกิดขึ้น เราเกื้อกูลกัน พึ่งพากัน ที่สำคัญเรามองเห็นลูกค้าเป็นผู้มีพระคุณของเรา ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโรงรับจำนำไม่ใช่คนขัดสน เขาแค่ต้องการแคชโฟลว์ระยะสั้นเพื่อต่อยอดธุรกิจ หรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นเอง”

คุณชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มันนี่ คาเฟ่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงรับจำนำมันนี่คาเฟ่ ได้เริ่มต้นคุยกับ Typeไทย โดยการปูให้เห็นภาพของธุรกิจโรงรับจำนำในปัจจุบัน

โดยเฉพาะกับลูกค้าที่เข้าโรงรับจำนำ คุณชูศักดิ์ เห็นว่าลูกค้ากลุ่มนี้เป็นคนที่รู้จักวางแผนการเงิน ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เข้ากับสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้น หลายคนอาจจะขาดเงินในระยะสั้น บางคนต้องการเงินทุนไปสร้างธุรกิจเสริม แล้วเขาก็เลือกให้โรงรับจำนำเป็นแหล่งเงินทุนโดยนำของมีค่ามาฝากไว้ที่โรงรับจำนำชั่วคราว

“ยกตัวอย่างมันนี่คาเฟ่ ธุรกิจของเราเองที่ทำต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ เราได้เห็นการแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม จึงได้ทำการรีแบรนด์ดิ้งตัวเองเมื่อประมา ๔-๕ ปีที่แล้ว เพื่อให้เข้าถึงง่าย โดยทำความเข้าใจกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในสังคม เพราการเข้าถึงได้ง่ายเป็นจุดยืนสำคัญของธุรกิจโรงรับจำนำในฐานะที่เป็นหล่งเงินทุน ให้กับทุกกลุ่มคน ทุกกลุ่มประเภท โดยเฉพาะของเราเองที่แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น ๔ กลุ่มคือ ผู้ประกอบการรายย่อย คนทำงาน นักศึกษา และกลุ่มดั้งเดิม”

เป็นที่น่าสนใจว่ากลุ่มคนที่เข้ามาใช้บริการโรงรับจำนำ ไม่ใช่แค่กลุ่มดั้งเดิมที่เป็นครอบครัวพ่อบ้านแม่บ้านที่อาจขาดสภาพคล่องในบางช่วงเวลาเช่นเปิดเทอม หรือพ่อค้าแม่ค้าที่อาจจะขายของได้ยากชั่วคราว และกลุ่มลูกจ้างโรงงานหรือรับจ้างทั่วไปเท่านั้น แต่พนักงานเงินเดือนหากมีความจำเป็นต้องการใช้เงินด่วนก็เข้ามาใช้บริการด้วย โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มนุษย์เงินเดือนเองก็มีอาชีพเสริม หรือเริ่มปั้นกิจการของตัวเอง กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยเอสเอ็มอีก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจทั้ง ๆ ที่ ทุกธนาคารมีโครงการสนับสนุนเอสเอ็มอีมากมายแต่กลับเลือกใช้บริการโรงรับจำนำ

คุณชูศักดิ์บอกว่า “เพราะบางครั้งโรงรับจำนำก็ตอบโจทย์กว่า บางครั้งพวกเขาขาดสภาพคล่องระยะสั้น ๆ หรือจำเป็นต้องใช้เงินทันที โรงรับจำนำไม่ยุ่งยาก เอกสารไม่เยอะและได้เงินสดทันที จึงตรงกับความต้องการมากกว่า หรือแม่แต่กลุ่มนักศึกษาที่ต้องจ่ายค่าเทอมพ่อแม่โอนให้ไม่ทันโรงรับจำนำก็ช่วยเขาได้เช่นกัน”

นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการโรงรับจำนำไม่ใช่คนหมดหนทางหรือใจไม่สู้ หากแต่คนเหล่านั้นตั้งใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทาย โดยมีโรงรับจำนำเป็นผู้ช่วยทางการเงิน หากตรงกับความต้องการของพวกเขา

“เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าลูกค้าจะเกิดวิกฤตแบบไหน โรงรับจำนำก็ยังคงเป็นหนึ่งในกลไกเล็ก ๆ ที่สนับสนุนให้คนไทยก้าวไปต่อได้ อะไรที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้เรายินดี” จากน้ำเสียงและความตั้งใจสิ่งที่คุณชูศักดิ์บอกกับ Typeไทย นั้น ไม่ใช่แค่คำพูด หากเป็นเพียงพันธะสัญญาจากผู้บริหารมันนี่คาเฟ่ที่มีต่อลูกค้า

อย่างในช่วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศได้เผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ มันนี่คาเฟ่ ก็มีส่วนช่วยเหลือสนันสนุนลูกค้า โดยคุณชูศักดิ์เล่าต่อว่า

“เรามีความเชื่อนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกคนต้องช่วยกัน จะปัญหาโควิด-๑๙ ปัญหาเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นเหมือน ๆ กันทั่วโลก บ้านเราเองก็ได้รับผลกระทบ ที่มันนี่คาเฟ่เราก็มีการจัดการดูแลเรื่องสุขภาพ มีการแจกหน้ากาก การเว้นระยะห่าง มีการแจกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กับลูกค้า ในด้านธุรกิจเราก็มีการช่วยเหลืออะลุ้มอล่วยขยายระยะเวลาการไถ่ถอน ประเมินมูลค่าให้สูงขึ้น หรือในช่วงที่ราคาทองสูงขึ้นแบบนี้ก็จะมีการโทรแจ้งลูกค้าว่าเพิ่มเงินได้นะ ช่วยเหลือกันไป”

 และไม่เพียงแค่การเป็นแหล่งเงินทุนเท่านั้น มันนี่คาเฟ่ยังเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำกับลูกค้าอีกด้วย

“แต่ไม่ใช่แนะนำเรื่องการทำธุรกิจให้กับลูกค้านะ หรือการวางแผนด้านการเงินนะ ลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้าหลาย ๆ คนเก่งกว่าเราเยอะ แต่เราให้คำแนะนำได้ว่าลงทุนแบบไหนคุ้มค่า ทองคำ นาฬิกา อัญมณี สินค้าแบรนด์เนม หรือในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ทรัพย์สินแบบไหนมีมูลค่าพอที่จะนำมาช่วยต่อยอดหรือแบ่งเบาภาระได้บ้างเรียกว่าสนับสนุนอย่างครบวงจร”

คุยกันมาจนถึงตอนนี้ Typeไทย จึงอยากถามเจ้าของสถาบันการเงินรากหญ้าในฐานะที่แหล่งเงินทุนที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด และใกล้ชิดกับคนไทยมากที่สุดแห่งหนึ่ง อยากจะบอกหรือมอบกำลังใจให้กับคนไทยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจค่อนข้างจะฝืดเคืองในเวลานี้ ซึ่งคุณชูศักดิ์ก็ยิ้มตอบรับแล้วบอกกับคนไทยทุกคนผ่านเราว่า

การประสบความสำเร็จกับความท้าทายเป็นสิ่งที่มาคู่กันเสมอ เมื่อคุณผ่านความท้าทายไปได้ก็จะประสบความสำเร็จ ในวันนี้ทุกคนเผชิญปัญหาไม่ต่างกันทั่วโลก ใครก็ตามที่สู้และไม่ท้อก็สามารถจะผ่านไปได้ แต่ไม่ได้บอกว่าง่ายนะครับต้องฝ่าฟันกัน ซึ่งเราเองก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนทุกคนครับ”

แน่นอนในแง่ธุรกิจโรงรับจำนำก็เป็นอีกหนึ่งกิจการที่ต้องมีกำไรเพื่อให้อยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันการเกื้อกูลและแบ่งปันก็คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจโรงรับจำนำยั่งยืน การให้ความสำคัญและการรับฟังความต้องการของลูกค้าจึงเป็นแกนสำคัญของการให้บริการ เพื่อที่ทั้งกิจการและลูกค้าจะรอดจากภาวะลำบากนี้ไปด้วยกัน

“ในทุก ๆ ครั้งที่ลูกค้ากลับมารับของที่ฝากไว้คืน แล้วจากไปพร้อมรอยยิ้ม ก็หมายวามว่าพวกเขาได้ฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายจนสำเร็จแล้ว ซึ่งเราเองก็ยินดีที่ได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่เขาไว้วางใจ และให้เราได้มีโอกาสทำหน้าที่สนับสนุนพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ”
และสิ่งนี้คือข้อสรุปจากการพูดคุยกับ คุณชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์ มันนี่คาเฟ่ ในครั้งนี้

 

 

########