เมื่อชายไทยไม่อยากเกณฑ์ทหาร แต่กฎหมายยังคงบังคับ แล้วจะมีทางออกอะไรบ้าง หลัก ๆ เลยคงมี ๓ ทาง คือ ใช้เงิน ซึ่งเราไม่แนะนำเพราะนอกจากจะใช้เงินหลักหลายหมื่นถึงหลักแสนแล้ว ยังผิดกฎหมายและโดนหลอกจากมิจฉาชีพแน่นอน วัดดวง จับใบดำใบแดง รอดแล้วรอดเลย แต่ถ้าไม่รอด ก็เข้าค่ายสองปีเต็ม เลือกจะเสี่ยงแล้วถ้าผลไม่เป็นอย่างใจก็ไม่สามารถงอแงทีหลังได้ เรียน รด. ซึ่งหากมองในแง่ของการลงทุน การเรียน รด. มีความเสี่ยงน้อยที่สุด แต่หลายคนก็คิดว่า เรียน รด. เป็นการลงทุนที่ใช้เงินสูงมากเกินไปหรือเปล่า ใช้เวลามากไหม งั้นเดี๋ยวมาลองแจกแจงกันดู

การลงทุนด้านเวลา

หากเทียบการการเป็นทหารเกณฑ์ ๒ ปี แล้ว การเรียน รด. เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ทหารนั้นต้องเรียนให้ผ่าน ๓ ปี ซึ่งก็ตรงกับการเรียนมัธยมปลาย ม.๔ ม.๕ และ ม.๖ พอดี ซึ่งการเรียน รด. ควบคู่ไปกับการเรียนหนังสือย่อมดีกว่าเกณฑ์เข้ากรมกองไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ ดังนั้นการตัดสินใจเรียน รด. ของน้อง ๆ ม. ๔ จะส่งผลต่ออนาคตมาก

แต่ถ้าจะเรียน ๓ ปี ก็ไม่ได้แปลว่าเรียนตลอด หากจะนับเป็นเวลาที่เสียไปจริง ๆ ก็ เรียน ๒๖๔ ชั่วโมง (วันละ ๔ ชั่วโมง ๒๒ วัน x ๓ ปี) เข้าค่าย รวม ๘ วัน ประกอบไปด้วย ปฐมนิเทศ ๑ วัน เรียน ๒๐ วัน สอบ ๑ วัน ทั้ง ๓ ชั้นปี ส่วนการเข้าค่ายที่เขาชนไก่ เฉพาะ ปี ๒ (๓ วัน) และ ปี ๓ (๕ วัน) ซึ่งเทียบไม่ได้กับการเป็นทหารตลอด ๒ ปี ๗๕๐ วันแน่นอน (มีวันหยุดจำนวนแตกต่างกันไปตามหน่วย)

การลงทุนค่าใช้จ่าย

เรียน รด. มีค่าใช่จ่ายรวมตก ปีละ ๒,๕๐๐ – ๓,๕๐๐ อาทิ ค่าบำรุงการศึกษา (๖๕๐) ค่าชุด (๑,๗๕๐ – ๒,๒๕๐ บาท) ค่าอุปกรณ์ฝึกภาคสนาม (๗๐๐ – ๙๐๐ บาท)  ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมเรียน รด. ๓ ปี ค่าใช้จ่ายประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท ส่วนการเป็นทหารเกณฑ์ ๒ ปีนั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย ปลดประจำการออกมาอาจได้เงินมาอีกนิดหน่อย ก็ลองคิดละกันว่า เงินหนึ่งหมื่น สามารถแลกกับชีวิตอิสระ ๒ ปี ที่ไม่ต้องรับการฝึกหนัก ตากแดด โดนซ่อม ยืนยาม หรือแม้กระทั่งไปรบ แต่ที่แย่กว่าการไปรบคืออาจต้องไปเป็นทหารรับใช้ ซึ่งหากไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์สามารถนำเวลา ๒ ปีนี้ เรียน ทำงานหาเงิน ไปเที่ยวรอบโลก หรือไปพัฒนาประเทศชาติด้านอื่น ๆ ก็ยังได้

การเรียน รด. จึงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อย และเป็นทางเลือกที่ทำได้ง่าย ถูกกฎหมาย ไม่เดือดร้อนทีหลัง สรุปในความเห็นของเรา การเรียน รด. มีความคุ้มค่าในการลงทุน ระดับ เอบวก ความเสี่ยงก็ต่ำ หากมีโอกาสควรลงทุนอย่างยิ่ง